✏ เล่าเรื่องโดย สามเฒ่าพาเที่ยว
การเที่ยววันที่ 4 ของ Trip
ภาพจาก http://nagoyajo.info/
เช้าวันอาทิตย์นี้ เราใช้สิทธินักท่องเที่ยว ด้วยการซื้อบัตร1 Day Pass “Donichi Eco Kippu” ราคา 600Yen
สามารถซื้อกับเจ้าหน้าที่ หรือกดซื้อได้เองที่ตู้ขายตั๋วในสถานีรถไฟ
ไปเที่ยว Nagoya Castle ซึ่งเปิด 9:00-16:30
👀 มาอ่านประวัติของ ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle/名古屋城) กันก่อน
https://www.nagoya-info.jp/en/hommaru/about/
Nagoya castle สร้างขึ้นในยุคเริ่มต้นสมัยเอโดะ โดยโชกุน โทคุกาวะ อิเอยาสึ ในปี ค.ศ. 1610-1612 และ
มีการสร้าง“พระราชวังฮอมมารุ (Hommaru Palace)” เสร็จในปี 1615
พระราชวังนี้มีความงดงามมาก ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมแนวซามูไร ที่เรียกว่า Shoin-zukuri ทุกห้องได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผนังปกคลุมด้วยทองคำและภาพเขียนที่สวยงามโดย Kano School ซึ่งเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ต่อมาในปี 1945 ได้ถูกเพลิงไหม้จนเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Nagoya_Castle
ในปี 1959 ตัวปราสาทได้รับการฟื้นฟูสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนตัวพระราชวัง Hommaru ก็ได้สร้างใหม่ โดยใช้เทคนิคและวัสดุดั้งเดิมที่เป็นของแท้ ซึ่งแบ่งการบูรณะออกเป็น 3 ขั้น
😎...โชคดีปีที่ไปเที่ยว คือ 2018 สร้างครบทุกส่วนแล้ว..สามารถเดินชมไปตามทางที่จัดไว้ได้รอบพระราชวังเลย😎
💥ทำไมต้องมาดูพระราขวังนี้.... เพราะว่า
👀 1 คุณภาพของการทำใหม่ที่เป็นเลิศ!
พระราชวัง Hommaru ได้รับการบูรณะให้มีสภาพสมบูรณ์แบบโดยใช้เทคนิคดั้งเดิมของญี่ปุ่นสร้างรูปลักษณ์ของพระราชวังอันงดงามเมื่อ 400 ปีก่อน ทีมีเฉพาะท่านโชกุนและชนชั้นสูง เท่านั้นที่สามารถเข้าไปชื่นชมความงดงามนี้ได้ แต่วันนี้ ประชาชนทั่วไป สามารถสัมผัสกับกลิ่นไม้ ที่หอมของไม้สนฮิโนกิ และความรู้สึกชื่นชมความงามอันน่าทึ่งของสถาปัตยกรรมงานศิลปะ
👀 2. ศิลปะแบบซามูไร
ภาพวาดต้นฉบับจำนวนมากที่ปรากฏในพระราชวัง Hommaru ถูกนำออกและนำไปเก็บรักษาในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้รอดผลการทำลาย
ผลงานชิ้นเอกที่ยังหลงเหลืออยู่นี้ และรูปถ่ายที่มีรายละเอียด จึงถูกนำมาวิเคราะห์อย่างละเอียดของ ช่วยให้ศิลปินที่ได้รับการฝึกฝน สามารถสร้างสรรค์ผลงานมาทดแทนได้ ในแบบดั้งเดิมทั้งรูปลักษณ์ รูปแบบ และสี ตามแบบผลงานต้นฉบับ
👀 3 ตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมสไตล์ซามูไร
พระราชวัง Hommaru ของปราสาทนาโกย่าและพระราชวัง Ni-no-Maru ของปราสาท Nijo ของเมืองเกียวโต ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรม Shoin-zukuri ของซามูไร สำหรับพระราชวัง Ni-no-Maru ของเกียวโต นั้นสามารถรอดพ้นการทำลายมาได้จนถึงปัจจุบัน
😉..โปรยซะขนาดนี้...อย่าพลาดความงามอันน่าทึ่งของพระราชวัง Hommaru ... 😉
🚶..... 🚇 ไปนั่ง Subway ไปลงที่ Shiyakusho 🏯
ถึงสถานีShiyakusho 💫 จะออกทางไหน ละซ้ายหรือขวาดี 💫
.....Exit 7...เพื่อให้แน่ใจ ที่บันไดทางขึ้นมีรูปนี้ด้วย...ไม่หลงแน่นอน
ออกจากสถานี มีป้ายบอกทางเดินไป ปราสาทไม่ต้องกลัวหลง
เมื่อเข้ามาถึง ก็ทำการซื้อตั๋ว ค่าเข้าชม: 500 เยน แต่มีบัตร 1Day Pass มีส่วนลด ค่าเข้าเหลือ 400 Yen
.......อย่าลืมหยิบแผ่นพับแผนที่การเดินเที่ยวมาด้วยละ....
🏯 แสดงบัตรเข้า เดินเข้ามาก็จะผ่าน สวนหย่อมรอบปราสาท ที่แบ่งเป็น 2 ชั้น คือคูเมือง และกำแพงป้อมปราการ 🏡ซึ่งเป็นจุดชมดอกซากุระบาน 🌸ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน...แต่ปี 2018 ร้อนไว ..ซากุระโรยเกือบหมดแล้ว🍃
เดินผ่านสวน แล้วเข้ามาในกำแพง ก็จะเจอกับ “พระราชวังฮอมมารุ (Hommaru Palace)”
ที่ทางเข้า จะมีการให้ถอดรองเท้า แล้วไปเก็บใน locker
📷กล้องถ่ายรูปใช้ได้ **ห้ามใช้แฟลช** และอีกอย่างที่สำคัญเราต้องไม่ทำคือ **อย่าเอามือไปสัมผัสกับของที่จัดแสดง**...
ไปเดินสำรวจกันได้ ตามแผนที่ได้มา
เดินเข้าไป..ยืนบนเสื่อมันนุ่มดี และได้กลิ่นหอมอ่อนๆของไม้สน Hinuki ...งานสลักไม้...งามมากๆ ...
มีห้องจำนวนมาก มีการแบ่งระดับ สำหรับขุนนางที่จะรอพบท่านโชกุนได้ห้องไหน
...วันนี้ประชาชนทั่วไปเข้าไปชื่นชมทุกห้อง....ชนชั้นสูงสุด...คริๆ
ไปดูงานสร้างในแต่ละส่วน เริ่มส่วนแรก--> Genkan (Entrance hall , ห้องโถงทางเข้า) and Oroka (Grand Coridor)
Genkan โดดเด่นด้วยหลังคาที่โค้งงออย่างสง่างามเหนือ Kurumayose (ทางรถเข้า) โดยหน้าจั่วที่เคลือบด้วยสีดำตกแต่งด้วยทองคำรุง ขุนนางชั้นสูงนั่งรถม้ามาที่ทางเข้านี้
Genkan สงวนไว้สำหรับเจ้านายที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดและแขกเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงใช้เฉพาะในโอกาสพิเศษ
ส่วน Nakanokuchibeya จะเป็นห้องโถงทางเข้าด้านตะวันออกใช้สำหรับทางเข้าแบบทั่วไป
... ในส่วนนี้มีห้องรับรอง 2 ห้อง คือ ใครมียศต่ำกว่าก็รอห้อง Ni-no-ma (Secondary waiting room) ใครสูงขึ้นมาหน่อยก็รอห้อง Ichi-no-ma (Primary waiting room)
ทั้งสองห้องพักตกแต่งด้วยภาพวาดที่มีชื่อเสียงของเสือและเสือดาวในไม้ไผ่ โดยภาพเสือและเสือดาว ถูกออกแบบเพื่อสร้างแสดงให้เห็นความสามารถทางการเงินของโทคุงาวะต่อผู้ที่นั่งรอ
ที่น่าสนใจ คือจิตรกรที่สร้างผลงานในอดีตเหล่านี้ ไม่เคยเห็นเสือหรือเสือดาวในชีวิตจริง ทั้งหมดที่พวกเขาได้รับจากหนังสือที่นำมาจากทวีปเอเชีย แต่ศิลปินสามารถจินตนา วาดภาพสัตว์ที่น่าประทับใจเหล่านี้
ส่วนที่สอง Omote Shoin, Main Hall ผู้เข้าร่วมงานอย่างเป็นทางการ ถูกนำไปสู่ห้องรอ ต่างๆ ตามสถานภาพทางสังคมที่สูงขึ้นของแขกที่เข้ามา มีทั้งหมด 4 ห้อง
1. San-no-ma (Tertiary waiting room)
ตกแต่งด้วยภาพวาดของชะมดหรือแมวมัสค์ที่อยู่ท่ามกลางดอกไม้และดอกไม้นานาชนิดของฤดูร้อน ที่แผงด้านขวาของห้องนี้ เป้นแบบเรียบๆสีทอง เชื่อกันว่านี่เป็นทางเข้าอีกห้อง Nando-no-ma (storage room) ที่ซ่อนอยู่
2. Ni-no-ma (Secondary waiting room)
มีภาพวาดของต้นสนซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแรงและความยืนยาว ต้นไม้เมเปิ้ลในฤดูใบไม้ร่วงสีและนกตามฤดูกาล สำหรับฉากที่ไม่มีภาพเป็นแต่พื้นสีทอง นั้นเพราะว่าผลงานดั้งเดิมนั้นสูยหายไป และไม่มีรูปถ่าย ในการบูรณะจึงไม่ได้แต่งเพิ่มเข้าไป
3.Ichi-no-ma(Primary waiting room)
เป็นห้องสำหรับแขกกับท่านโชกุน จะได้เห็นเพลิดเพลินกับภาพวาดอันงดงามของดอกซากุระและไก่ฟ้า โดยดอกซากุระสื่อให้เห็นถึง อุดมการณ์ของซามูไรและพุทธศาสนา ชีวิตอันสั้นของดอกได้รับการระบุด้วยความตายและโชคชะตา ส่วนไก่ฟ้าเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจความอุดมสมบูรณ์และสัญญา
4. Jodan-no-ma (Lord's audience chamber)
เป็นห้องสำหรับท่านโชกุน ที่งดงามที่สุดของ Omote Shoin มันถูกสร้างขึ้นในสไตล์ซามูไร Shoin-zukuri การออกแบบเพดานและรายละเอียดสูงกว่าห้องอื่น สำหรับภาพที่ผนังเป็นต้นสนเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรงและอายุขัย มี ชั้นวางของ
ส่วนต่อมา คือ Taimenjo (Reception Hall) เป็นห้องรับรองส่วนตัวสำหรับท่านโชกุน กับครอบครัว เพื่อน และบริวาร
....ไปดูห้องที่พวกเราอยากดูคือ Jorakuden (ที่พักของโชกุน)
เป็นห้องที่หรูหราที่สุดของ Hommaru ยังมีผนังและเพดานที่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีตและมีการทาสีแกะสลักและประดับประดาอย่างประณีต
แหล่งข้อมุล และรูปภาพบางส่วนจาก
https://www.japan-guide.com/e/e3300.html
https://www.nagoya-info.jp/en/hommaru/
......เพลิดเพลินไปกับการรู้จักสถาปัตยกรรมสไตล์ Shoin-zukuri ของซามูไรที่ดีที่สุด...ขอบอกว่าสวยมากกก....
.....ไปต่อกันที่ตัวปราสาท...
🏯 ตัวปราสาทถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองนาโกย่า รวมถึงรูปสลักปลาหัวเสือทองคำ “คินชะจิ (Kinshachi)” ที่อยู่บนปราสาทซึ่งเป็นเครื่องรางป้องกันอัคคีภัย
ภาพจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Replica_of_Kinshachi_of_Nagoya_Castle.jpg
ตัวปราสาทหลักมีทั้งหมด 7 ชั้น ภายในมีพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัย จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท
🚶 พอเข้ามาในปราสาท เราจะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดก่อน แล้วค่อยเดินลงมาชมทีละชั้น
ลิฟต์จะสุดที่ชั้น 6 จากนั้นเราต้องเดินขึ้นบันไดไปยังชั้น 7 ซึ่งเป็นจุดชมวิว
จากนั้นก็เดินกลับลงบันไดไป ซึ่งในชั้นจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของปราสาท
..ดู Clip ที่เคย live ใน facebook
ดูต่อได้ใน Clip: https://www.youtube.com/watch?v=KX3_hoYGlXE
........เราใช้เวลาที่นี้นานเกินที่กำหนด เพราะมีพระราขวัง ที่สวยงามมาก ให้เราเข้าไปดู....ซึ่งไม่รู้มาก่อน..
ทำให้ไปเที่ยวที่อื่นไม่ทัน ต้องกลับ ไปเอารถเช่าแถว nagoya sta. .....วันนี้ใช้บัตร 1 Day pass ไม่คุ้มเลยจ้า....
🍣🍙🍤...พาไปกิน Shushi 100 Yen ร้านใหม่...Kura Shushi...🍣🍙🍤...ก่อนขับไป Nameless pond..